วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2551

คิดเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปัน




หลาย ๆ คนคิดว่า การที่เราจะให้อะไรคนอื่นนั้นเป็นไปได้ยาก อาจเป็นเพราะว่า 1. มีความเสียดาย 2. เขาไม่ได้เป็นคนดีพอที่เราจะให้ หรือเขายังไม่ได้ให้อะไรเราเลย 3. รู้สึกว่าเราด้อยค่ากว่าเขา ที่เราต้องเป็นฝ่ายให้เขาก่อน ถ้ามัวคิดอยู่อย่างนี้ เราคงไม่ให้อะไรใครง่าย ๆ ลองคิดดูอย่างนี้บ้างเป็นไร การที่เราเป็นผู้ให้แก่ผู้อื่น ก่อนนั้น แสดงว่า 1. เรามีค่ามากขึ้น ที่เราสามารถ "ให้" คนอื่น ๆ ได้ เช่น ให้ความช่วยเหลือ ให้กำลังใจ หรือให้สิ่งของ เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราพอมีอยู่บ้าง ทำให้ผู้รับเกิดความพอใจ เกิดความพ้นทุกข์ มีความสุข 2. เราใจกว้างมากขึ้น เข้มแข็งมากขึ้น ที่สามารถทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่น การให้คนอื่นก่อนซึ่งต้อง อาศัยความกล้าและความเข้มแข็งที่จะต้องเอาชนะใจตนเองที่พร้อมจะเป็นผู้รับอยู่แล้ว ฉะนั้น ทุกครั้ง ที่เรา ให้สิ่งของแก่คนอื่น จงชมตัวเองว่า ตัวเราดีขึ้น เก่งขึ้น ใจกล้าขึ้น แล้วคุณจะอยากให้มากขึ้น 3. การให้นั้นอาจจะเป็นการให้วัตถุหรือความช่วยเหลือก็ได้ ให้ดูตามความเหมาะสม เช่น พูดให้กำลังใจ การชมเชย การแสดงความเห็นอกเห็นใจหรือความเมตตา เป็นการให้ชนิดหนึ่งที่ดีมาก ประโยชน์จากการเป็นผู้ให้นั้นมีมากมาย นอกจากจะทำให้มีมิตรมากขึ้น มีคนรักมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการ กำจัดความอยากได้จากคนอื่น ทำให้ลบความทุกข์จากความอยากได้ที่ไม่สิ้นสุด เป็นการฝึกฝนจิตใจให้ เสียสละ มีความโอบอ้อมอารี การที่จะสอนคนให้รู้จักมีความสุขจากการให้นั้น เหมือนกับเป็นการให้คนพายเรือทวนกระแสน้ำ ดูว่า มันยากยิ่ง แต่เราจะเข้มแข็งมากขึ้น รู้จักต่อสู้กับอุปสรรคในชีวิตได้อย่างดียิ่งขึ้น เมื่อได้มีการฝึกการให้ อย่างสม่ำเสมอ จิตใจจะมีพลังมากขึ้น เมื่อเราฝึกการเป็นผู้ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ลักษณะของคนที่จะเป็น "ผู้ให้" ที่ดี ควรมีลักษณะดังนี้ คือ 1. มีความรักมนุษย์ เกิดเป็นคนใช่ว่าจะรักมนุษย์เสมอไป บางคนจะรักสัตว์มากกว่ามนุษย์เขาจะพูดจา กับสัตว์ได้ดีกว่าพูดกับมนุษย์ด้วยกันเสียอีก บางคนรักต้นไม้ ก็จะปลูกต้นไม้งาม บางคนรัก เครื่องยนต์ ชอบแก้เครื่องยนต์ ชอบดูแลทำความสะอาดรถยนต์มากกว่าสนใจเรื่องอื่นก็มี บางคนรักตัวเลข และเงินทอง ก็มีความห่วงใยตัวเลขและเงินทองในธนาคารมากกว่าสนใจคนอื่น เราจะรักอะไรมากกว่ามนุษย์ก็ตาม เราจะต้องฝืนใจ หันมาสนใจและรักมนุษย์ให้มากกว่าเดิม ไม่เช่นนั้น เราจะให้อะไรแก่มนุษย์คนอื่นได้ยากมาก 2. ต้องมีสัญชาตญาณของความเป็นพ่อแม่ แม้ว่าคุณจะไม่เคยแต่งงานหรือไม่เคยมีลูกเลย คุณก็พร้อม ที่จะรักคนอื่น พร้อมจะให้อภัยและเมตตา เสมือนพ่อแม่รัก อภัย เมตตา ลูก ๆ นั่นเอง 3. ต้องลดการถือตัวลงบ้าง อย่าคิดว่าตนเองดีวิเศษอยู่คนเดียว ถ้าคิดเช่นนี้คุณจะให้สิ่งของแก่ใคร ไม่เป็น 4. รู้จักอภัยและมีอารมณ์ขันบ้าง อย่าจับผิดคนอื่น จงมองความผิดพลาดและความไม่รู้ของคนอื่น ด้วยความเข้าใจ เห็นใจ และมีอารมณ์ขันปนบ้าง แล้วจะได้มองเห็นความปกติและมีค่าในตัวคนอ่นได้มากขึ้น ไม่จริงจังมากเกินไป จะเป็นเหตุให้คุณไม่ยอมให้อะไรแก่ใคร ง่าย ๆ ฉะนั้นมนุษย์เราจงสร้างความสุขจาก การรู้จักให้มากกว่าจากการรับเถิด ความคิดที่จะให้มีอยู่ในหัวใจใคร บุคคลนั้นก็คือผู้ทำความดีคนหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น: